พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ของ สงครามดอกกุหลาบ

ปราสาทฮาร์เล็คในเวลส์

พระราชพิธีราชาภิเษกอย่างเป็นทางการของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1461 ในกรุงลอนดอนโดยความยินดีของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พระองค์ทรงสามารถปกครองราชอาณาจักรอย่างร่มเย็นเป็นเวลาราวสิบปี แต่ก็ไม่ทรงสามารถมีอำนาจอย่างเด็ดขาดทางตอนเหนือจนกระทั่งปี ค.ศ. 1465 หลังจากยุทธการที่โทว์ทันแล้วพระเจ้าเฮนรีและพระนางมาร์กาเรตก็หนีภัยไปพึ่งราชสำนักสกอตแลนด์ภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าเจมส์ที่ 3 แห่งสกอตแลนด์ ในปลายปีทั้งสองพระองค์ก็เข้าโจมตีคาร์ไลล์แต่เพราะความที่ขาดงบประมาณก็ทำให้เพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายยอร์กที่พยายามยึดที่ตั้งมั่นสุดท้ายของฝ่ายแลงคาสเตอร์ทางตอนเหนือ ปราสาทหลายแห่งที่ยังอยู่ในมือของฝ่ายแลงแคสเตอร์ก็สามารถยืนหยัดต่อต้านฝ่ายยอร์กอยู่ได้เป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะตกไปเป็นของฝ่ายยอร์ค

ในปี ค.ศ. 1464 ก็เกิดการปฏิวัติโดยฝ่ายแลงแคสเตอร์ทางตอนเหนือของอังกฤษโดยมีขุนนางแลงแคสเตอร์ที่รวมทั้งเฮนรี โบฟอร์ต ดยุกที่ 3 แห่งซัมเมอร์เซต เป็นผู้นำ ฝ่ายก่อการถูกปราบปรามโดยน้องชายของวอริคจอห์น เนวิลล์ มาร์ควิสที่ 1 แห่งมอนทากิว กองกำลังแลงคาสเตอร์บางส่วนถูกทำลายในยุทธการที่เฮ็ดจ์ลีย์มัวร์เมื่อวันที่ 25 เมษายนแต่จอห์น เนวิลล์ไม่สามารถปราบฝ่ายแลงแคสเตอร์ให้เสร็จสิ้นในทันทีได้เพราะอยู่ในระหว่างการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้แทนจากสกอตแลนด์มายังยอร์ค แต่หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมจอห์น เนวิลล์ก็สามารถเอาชนะกองทัพของซัมเมอร์เซ็ทได้ในยุทธการที่เฮ็กซัม ดยุกแห่งซัมเมอร์เซตถูกจับและถูกประหารชีวิต

พระเจ้าเฮนรีผู้ถูกปลดจากราชบัลลังก์ถูกจับได้เป็นครั้งที่สามในแลงคาเชอร์ในปี ค.ศ. 1465 และทรงถูกนำตัวกลับไปลอนดอนไปจำขังไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอน ขณะเดียวกันอังกฤษก็อยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ผู้สามารถเจรจาตกลงกับฝ่ายสกอตแลนด์สำเร็จ พระนางมาร์กาเรตและพระราชโอรสจึงทรงถูกบังคับให้ออกจากสกอตแลนด์ไปยังฝรั่งเศส ไปทรงดำรงราชสำนักอย่างสมถะอยู่หลายปี[7]

ที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายแลงแคสเตอร์ที่ปราสาทฮาร์เลกในเวลส์ก็ยอมแพ้ในปี ค.ศ. 1468 หลังจากที่ถูกล้อมอยู่เจ็ดปี

ใกล้เคียง

สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามแปซิฟิก สงครามเกาหลี สงครามอ่าว สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามครูเสด สงครามกัมพูชา–เวียดนาม